ทราบว่า ท่านพระอุทกปูชกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบอุทกปูชกเถราปทาน
ปุนนาคปุปผิยเถราปทานที่ 3 (333)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกบุนนาค
[335] เราเป็นพรานเข้าไป (หยั่งลง) ยังป่าใหญ่ เราได้พบต้น
บุนนาคมีดอกบาน จึงระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด.
ได้เลือกเก็บดอกบุนนาคนั้น เอาแต่ที่มีกลิ่นหอมสวยงาม
แล้วก่อสถูปบนเนินทราย บูชาแด่พระพุทธเจ้า.
ในกัปที่ 92 แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้
ใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่ง
พุทธบูชา.
ในกัปที่ 91 แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์
หนึ่งทรงพระนามว่า ตโมนุทะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ
มีพละมาก.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระปุนนาคปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบปุนนาคปุปผิยเถราปทาน
เอกทุสสทายกเถราปทานที่ 5 (334)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายผ้าผืนเดียว
[336] เราเป็นคนเกี่ยวหญ้าขาย อยู่ในพระนครหังสวดี เลี้ยง
ชีวิตและเลี้ยงภรรยาด้วยการเกี่ยวหญ้าขายนั้น.
พระชินเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง
เป็นนายกของโลก เสด็จอุบัติขึ้นทำลายความมืดมนให้พินาศ.
ในกาลนั้น เรานั่งอยู่ในเรือนของตน คิดอย่างนี้ว่า พระ-
พุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกแล้ว แต่ไทยธรรมของเราไม่มี.
เรามีแต่ผ้าสาฎกผืนเดียวนี้ ไม่มีใครให้ ( อะไร ) แก่เรา
การถูกต้องนรกเป็นทุกข์ เราจักปลูกฝังทักษิณาทาน.
ครั้นเราคิดอย่างนี้แล้ว จึงยังจิตของตนให้เลื่อมใส ได้ถือ
เอาผ้าสาฎกผืนเดียว ไปถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด.
ครั้นถวายผ้าผืนหนึ่งแล้ว ได้ประกาศก้องขึ้นว่า ข้าแต่
พระมหามุนีวีรเจ้า ถ้าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้า ขอได้ทรง
โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ข้ามฝั่งได้เถิด.